1. ความสามารถของผู้เยาว์
มาตราสำคัญ
20
สาระสำคัญ
- ตามมาตรา 20 ที่บัญญัติว่า ผู้เยาว์ย่อมบรรลุนิติภาวะเมื่อทำการสมรส หากการสมรสนั้นได้ทำตามบทบัญญัติมาตรา ๑๔๔๘ หมายความว่า
- คำว่า ผู้เยาว์ หมายถึง ผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะเนื่องจากอายุยังไม่ครบ 20 ปี บริบูรณ์ ตามมาตรา 19
- คำว่า ย่อมบรรลุนิติภาวะเมื่อทำการสมรส หมายถึง ผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะเนื่องจากมีอายุยังไม่ครบ 20 ปี บริบูรณ์ ตามมาตรา 19 เมื่อได้ทำการสมรสโดยถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ย่อมทำให้ผู้นั้นบรรลุนิติภาวะด้วยการสมรสดังกล่าว แม้ว่าผู้นั้นจะมีอายุยังไม่ครบ 20 ปี บริบูรณ์ ตามมาตรา 19 ก็ตาม
- เป็นการบรรลุนิติภาวะ อีกกรณีหนึ่ง นอกจากที่บัญญัติไว้ในมาตรา 19
- คำว่า หากการสมรสนั้นได้ทำตามบทบัญญัติมาตรา ๑๔๔๘ หมายถึง การสมรสของผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะเนื่องจากมีอายุยังไม่ครบ 20 ปี บริบูรณ์ ตามมาตรา 19 นั้น ได้ทำตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 1448 คือ ชายและหญิงที่เข้าทำการสมรสนั้น จะต้องมีอายุครบ 17 ปี บริบูรณ์ แล้วทั้งสองฝ่าย แต่ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีอายุไม่ครบ 17 ปี บริบูรณ์ การสมรสนั้นจะต้องยื่นคำร้องต่อศาลเยาวชนและครอบครัวเพื่อขอให้มีคำสั่งอนุญาตให้ฝ่ายที่ยังมีอายุไม่ครบ 17 ปี บริบูรณ์ นั้น ทำการสมรสเสียก่อน
- หากอ้างว่า มาตรานี้บัญญัติว่าอย่างไร ต้องเขียนเลขมาตราด้วยตัวเลขภาษาไทย คือ มาตรา ๑๔๔๘ หากเขียนเลขมาตราด้วยตัวเลขอารบิค คือ มาตรา 1448 ไม่ถือว่าถูกต้อง แต่หากเป็นการอธิบายความทั่วไป สามารถเขียนเลขมาตราด้วยตัวเลขอารบิคได้
- แต่ศาลเยาวชนและครอบครัวจะอนุญาตให้ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 13 ปี บริบูรณ์ ทำการสมรสตามมาตรานี้ไม่ได้ เนื่องจากการร่วมประเวณีกับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 13 ปี บริบูรณ์ เป็นความผิดตามป.อ. มาตรา 277 วรรคสอง ไม่ว่าผู้ที่ร่วมประเวณีกับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 13 ปี บริบูรณ์ นั้นจะเป็นสามีหรือภริยาของผู้นั้นหรือไม่ก็ตาม และผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 13 ปี บริบูรณ์ จะยินยอมหรือไม่ ก็เป็นความผิดทั้งสิ้น
- เมื่อผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะเนื่องจากอายุยังไม่ครบ 20 ปี บริบูรณ์ ตามมาตรา 19 ทำการสมรสตามมาตรา 1448 และบรรลุนิติภาวะตามความในมาตรานี้แล้ว แม้ต่อมาการสมรสนั้นจะสิ้นสุดลง ไม่ว่าด้วยการหย่า หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถึงแก่ความตาย หรือศาลมีคำพิพากษาให้เพิกถอนการสมรส ก่อนที่ผู้นั้นจะมีอายุครบ 20 ปี บริบูรณ์ ผู้นั้นย่อมเป็นผู้บรรลุนิติภาวะต่อไป ไม่กลับมาเป็นผู้เยาว์อีก
2. การทำนิติกรรมของผู้เยาว์
มาตราสำคัญ
21 , 22 , 23 , 24 , 25
สาระสำคัญ
- ตามมาตรา 21 ที่บัญญัติว่า ผู้เยาว์จะทำนิติกรรมใด ๆ ต้องได้รับความยินยอมของผู้แทนโดยชอบธรรมก่อน การใด ๆ ที่ผู้เยาว์ได้ทำลงโดยปราศจากความยินยอมเช่นว่านั้นเป็นโมฆียะ เว้นแต่จะบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น หมายความว่า
- คำว่า ผู้เยาว์ หมายถึง ผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะเนื่องจากอายุยังไม่ครบ 20 ปี บริบูรณ์ ตามมาตรา 19 เช่นเดียวกับความหมายในมาตรา 20
- คำว่า จะทำนิติกรรมใด ๆ หมายถึง จะทำนิติกรรมฝ่ายเดียว คือ คำมั่น หรือทำนิติกรรม 2 ฝ่าย คือ สัญญาต่าง ๆ ตามที่ระบุไว้ในบรรพ 3 และรวมถึงสัญญาที่ไม่มีชื่ออื่น ๆ ด้วย เช่น สัญญาต่างตอบแทนยิ่งกว่าสัญญาเช่า
- คำว่า ต้องได้รับความยินยอม หมายถึง ต้องได้รับความเห็นชอบ หรือคำอนุญาตเสียก่อน ตามมาตรานี้ไม่ได้ระบุว่า ความเห็นชอบ หรือคำอนุญาตดังกล่าวจะต้องทำอย่างไร ดังนั้น ความเห็นชอบ หรือคำอนุญาตดังกล่าวจึงอาจทำด้วยวาจา หรือลายลักษณ์อักษร หรือด้วยกิริยาก็ได้
- คำว่า ของผู้แทนโดยชอบธรรมก่อน หมายถึง ต้องได้รับความเห็นชอบ หรือคำอนุญาตจากผู้ใช้อำนาจปกครอง คือ บิดาและมารดา หรือบิดา หรือมารดาผู้ให้กำเนิดโดยชอบด้วยกฎหมาย หรือผู้ปกครองที่ใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์ในกรณีที่บิดามารดาผู้ให้กำเนิดถึงแก่ความตายแล้ว หรือถูกศาลสั่งเพิกถอนอำนาจปกครองด้วย
- มาตรานี้ใช้คำว่า ผู้แทนโดยชอบธรรม ไม่ได้ใช้คำว่า ผู้ใช้อำนาจปกครอง ซึ่งหมายถึงเฉพาะ บิดาและมารดาผู้ให้กำเนิดและเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองของผู้เยาว์มาตั้งแต่ผู้เยาว์คลอดแล้ว ดังนั้น ผู้แทนโดยชอบธรรมตามมาตรานี้ จึงหมายความรวมถึง ผู้ปกครองที่ศาลมีคำสั่งแต่งตั้งให้ใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์แทนบิดามารดาผู้ให้กำเนิด ในกรณีที่บิดามารดาผู้ให้กำเนิดของผู้เยาว์ถึงแก่ความตายแล้ว หรือถูกศาลสั่งเพิกถอนอำนาจปกครองด้วย
- คำว่า การใด ๆ ที่ผู้เยาว์ได้ทำลง หมายถึง นิติกรรมใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นนิติกรรมฝ่ายเดียว หรือนิติกรรม 2 ฝ่าย ที่ผู้เยาว์ได้ทำไป
- แม้มาตรานี้จะใช้คำว่า การใด ๆ ซึ่งตามตัวอักษรหมายถึง การกระทำต่าง ๆ ที่ไม่เป็นนิติกรรมด้วย แต่ในข้อความถัดไปบัญญัติให้การใด ๆ นั้น เป็นโมฆียะ ซึ่งมีแต่นิติกรรมเท่านั้นที่เป็นโมฆียะได้ การใด ๆ ในข้อความนี้ จึงหมายถึงเฉพาะนิติกรรมเท่านั้น
- คำว่า โดยปราศจากความยินยอมเช่นว่านั้น หมายถึง การทำนิติกรรมที่ผู้เยาว์ไม่ได้ขอความเห็นชอบ หรือขอแล้วแต่ไม่ได้รับความเห็นชอบ หรือคำอนุญาตจากผู้แทนโดยชอบธรรม หรือผู้ปกครองของผู้เยาว์
- คำว่า เป็นโมฆียะ หมายถึง นิติกรรมที่ผู้เยาว์ทำไปโดยไม่ได้ขอความเห็นชอบ หรือขอแล้วแต่ไม่ได้รับความเห็นชอบ หรือคำอนุญาตจากผู้แทนโดยชอบธรรม หรือผู้ปกครองดังกล่าว เป็นโมฆียะ คือ นิติกรรมนั้นย่อมเป็นอันมีผลไม่สมบูรณ์ หรือมีผลใช้บังคับในระหว่างผู้เข้าทำนิติกรรมดังกล่าวอยู่เพียงในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ต้องรอให้ผู้ใช้อำนาจปกครอง หรือผู้ปกครองของผู้เยาว์บอกล้างนิติกรรมดังกล่าวให้สิ้นผลไป หรือต้องรอให้ผู้ใช้อำนาจปกครอง หรือผู้ปกครองของผู้เยาว์ให้สัตยาบันเพื่อให้นิติกรรมดังกล่าวมีผลสมบูรณ์ต่อไป เสียก่อน
- เมื่อผู้ใช้อำนาจปกครอง หรือผู้ปกครองของผู้เยาว์บอกล้างนิติกรรมดังกล่าวแล้ว นิติกรรมดังกล่าวย่อมถือว่าเป็นโมฆะมาตั้งแต่ต้น ตามความหมายในมาตรา 176
- คำว่า เว้นแต่จะบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น หมายถึง มีบทบัญญัติในมาตราอื่น ให้ผู้เยาว์สามารถทำนิติกรรมเองได้ เช่น มาตรา 21 , 22 , 23 , 24 , 25 หรือมีบทบัญญัติให้นิติกรรมที่ผู้เยาว์ทำนั้นเป็นโมฆะ เช่น การทำพินัยกรรมของผู้เยาว์ที่มีอายุยังไม่ครบ 15 ปี บริบรูณ์ ตามมาตรา 1703
- ซึ่งในกรณีนี้ ผู้เยาว์ที่มีอายุยังไม่ครบ 15 ปี บริบรูณ์ ย่อมไม่สามารถขอความเห็นชอบ หรือคำอนุญาตจากผู้แทนโดยชอบธรรม หรือผู้ปกครองของผู้เยาว์เพื่อทำพินัยกรรมได้ การทำพินัยกรรมของผู้เยาว์ที่มีอายุยังไม่ครบ 15 ปี บริบรูณ์ ไม่อยู่ในบังคับของมาตรานี้
- ตามมาตรา 22 ที่บัญญัติว่า ผู้เยาว์อาจทำการใด ๆ ได้ทั้งสิ้น หากเป็นเพียงเพื่อจะได้ไปซึ่งสิทธิอันใดอันหนึ่ง หรือเป็นการเพื่อให้หลุดพ้นจากหน้าที่อันใดอันหนึ่ง หมายความว่า
- คำว่า ผู้เยาว์ หมายถึง ผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะเนื่องจากอายุยังไม่ครบ 20 ปี บริบูรณ์ ตามมาตรา 19 เช่นเดียวกับความหมายในมาตรา 20
- คำว่า อาจทำการใด ๆ ได้ทั้งสิ้น หมายถึง การกระทำต่าง ๆ ไม่ได้จำกัดเฉพาะว่าเป็นการทำนิติกรรมเท่านั้น เช่น การเข้ารับประกาศนียบัตรนักเรียนดีเด่น หรือการรับของรางวัล หรือขนม หรือเงินบริจาค หรือทุนการศึกษาที่มีผู้มอบให้
- คำว่า หากเป็นเพียงเพื่อจะได้ไปซึ่งสิทธิอันใดอันหนึ่ง หมายถึง การใด ๆ นั้นเป็นการให้สิทธิอย่างใดอย่างหนึ่งแก่ผู้เยาว์เท่านั้น เช่น ให้สิทธิผู้เยาว์เข้าศึกษาต่อที่โรงเรียน หรือให้ขนม หรือให้ทุนการศึกษาแก่ผู้เยาว์ ดังนี้ ผู้เยาว์ย่อมสามารถเข้ารับได้โดยไม่ต้องขอความเห็นชอบ หรือคำอนุญาตจากผู้แทนโดยชอบธรรม หรือผู้ปกครองของผู้เยาว์ตามความในมาตรา 21 เสียก่อน
- คำว่า หรือเป็นการเพื่อให้หลุดพ้นจากหน้าที่อันใดอันหนึ่ง หมายถึง การใด ๆ นั้นจะทำให้ผู้เยาว์หลุดพ้นจากหน้าที่ที่มีอยู่อย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ว่าหน้าที่นั้นจะถูกกำหนดโดยกฎหมาย หรือโดยนิติกรรมก็อยู่ในความหมายตามมาตรานี้ทั้งสิ้น เช่น ผู้เยาว์ไปลงคะแนนออกเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ไม่จำต้องขอความเห็นชอบ หรือคำอนุญาตจากผู้แทนโดยชอบธรรม หรือผู้ปกครองของผู้เยาว์ตามความในมาตรา 21 หรือมีผู้ปลดหนี้ให้ผู้เยาว์ ผู้เยาว์สามารถรับการปลดหนี้นั้นได้ โดยไม่จำต้องขอความเห็นชอบ หรือคำอนุญาตจากผู้แทนโดยชอบธรรม หรือผู้ปกครองของผู้เยาว์ตามความในมาตรา 21 เช่นกัน
- ตามมาตรา 23 ที่บัญญัติว่า ผู้เยาว์อาจทำการใด ๆ ได้ทั้งสิ้น ซึ่งเป็นการต้องทำเองเฉพาะตัว หมายความว่า
- คำว่า ผู้เยาว์ หมายถึง ผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะเนื่องจากอายุยังไม่ครบ 20 ปี บริบูรณ์ ตามมาตรา 19 เช่นเดียวกับความหมายในมาตรา 20
- คำว่า อาจทำการใด ๆ ได้ทั้งสิ้น หมายถึง การกระทำต่าง ๆ ไม่ได้จำกัดเฉพาะว่าเป็นการทำนิติกรรมเท่านั้น เช่นเดียวกับความหมายในมาตรา 22
- คำว่า ซึ่งเป็นการต้องทำเองเฉพาะตัว หมายถึง การใด ๆ ทั้งที่ไม่ใช่การทำนิติกรรม หรือเป็นการทำนิติกรรมนั้น ผู้เยาว์จะต้องทำเองเฉพาะตัวเท่านั้น เช่น เรียนหนังสือ หรือสอบไล่ หรือแข่งขันกีฬา หรือสอบชิงทุนการศึกษา หรือส่งภาพถ่ายประกวดชิงรางวัลตามที่มีผู้ให้คำมั่นไว้ หรือเข้าประกวดแข่งขันต่าง ๆ หรือไปลงคะแนนออกเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้
- แต่การทำนิติกรรมในทางครอบครัวที่แม้ผู้เยาว์จะต้องทำเองเฉพาะตัว เช่น การหมั้น หรือการสมรส หรือการทำพินัยกรรม หากผู้เยาว์จะทำนิติกรรมดังกล่าว ยังต้องอยู่ในข้อกำหนดตามที่บัญญัติไว้ในมาตราอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย แม้จะเป็นการทำนิติกรรมที่ผู้เยาว์ต้องทำเองเฉพาะตัว ก็ไม่อยู่ในความหมายตามที่บัญญัติไว้ในมาตรานี้
- ตามมาตรา 24 ที่บัญญัติว่า ผู้เยาว์อาจทำการใด ๆ ได้ทั้งสิ้น ซึ่งเป็นการสมแก่ฐานานุรูปแห่งตน และเป็นการอันจำเป็นในการดำรงชีพตามควร หมายความว่า
- คำว่า ผู้เยาว์ หมายถึง ผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะเนื่องจากอายุยังไม่ครบ 20 ปี บริบูรณ์ ตามมาตรา 19 เช่นเดียวกับความหมายในมาตรา 20
- คำว่า อาจทำการใด ๆ ได้ทั้งสิ้น หมายถึง การกระทำต่าง ๆ ไม่ได้จำกัดเฉพาะว่าเป็นการทำนิติกรรมเท่านั้น เช่นเดียวกับความหมายในมาตรา 22
- คำว่า ซึ่งเป็นการสมแก่ฐานานุรูปแห่งตน หมายถึง การใด ๆ นั้น เหมาะสมกับการเป็นเด็ก หรือผู้เยาว์ เช่น ซื้อขนม หรือซื้ออุปกรณ์ในการเรียนการสอน หรือซื้ออุปกรณ์ประกอบเครื่องแต่งกาย เช่น หมวกลูกเสือ หรือผ้าพันคอลูกเสือ หรือจ่ายค่ารถโดยสาร หรือค่ารถไฟฟ้าเพื่อเดินทางไปโรงเรียน
- ฐานานุรูปแห่งตน คือ ฐานะการเป็นเด็ก หรือผู้เยาว์ ซึ่งเป็นฐานะในทางสังคม ไม่ได้เกี่ยวข้องกับฐานะในทางเศรษฐกิจ หรือความร่ำรวย หรือความยากจนของเด็ก หรือผู้เยาว์นั้น
- คำว่า และเป็นการอันจำเป็นในการดำรงชีพตามควร หมายถึง การใด ๆ หรือการทำนิติกรรมนั้นเป็นไปเพื่อการดำรงชีพตามปกติของเด็ก หรือผู้เยาว์ เช่น ซื้ออาหารกลางวันที่โรงเรียน หรือซื้อขนม หรือซื้อเครื่องดื่มเพื่อรับประทาน หรือจ่ายค่ารถโดยสาร หรือค่ารถไฟฟ้าเพื่อเดินทางไปรับการศึกษาที่โรงเรียน ซึ่งจำเป็นสำหรับการประกอบอาชีพของเด็ก หรือผู้เยาว์ในอนาคต
- ตามมาตรา 25 ที่บัญญัติว่า ผู้เยาว์อาจทำพินัยกรรมได้เมื่ออายุสิบห้าปีบริบรูณ์ หมายความว่า
- คำว่า ผู้เยาว์ หมายถึง ผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะเนื่องจากอายุยังไม่ครบ 20 ปี บริบูรณ์ ตามมาตรา 19 เช่นเดียวกับความหมายในมาตรา 20
- คำว่า อาจทำพินัยกรรมได้ หมายถึง สามารถทำพินัยกรรมได้เอง โดยไม่ต้องขอความเห็นชอบ หรือคำอนุญาตจากผู้แทนโดยชอบธรรม หรือผู้ปกครองของผู้เยาว์ตามความในมาตรา 21 เสียก่อน
- แม้จะใช้คำว่า อาจ แต่ไม่ได้มีความหมายไปถึงว่า พินัยกรรมที่ผู้เยาว์ซึ่งมีอายุครบ 15 ปี บริบรูณ์ ทำขึ้นนั้น จะมีผลไม่แน่นอน แต่มีความหมายว่า ผู้เยาว์ซึ่งมีอายุครบ 15 ปี บริบรูณ์ จะทำพินัยกรรม หรือไม่ทำพินัยกรรมก็ได้
- คำว่า เมื่ออายุสิบห้าปีบริบรูณ์ หมายถึง เมื่อผู้เยาว์นั้นมีอายุครบ 15 ปี บริบรูณ์ คือ นับถึงวันเกิดครบปีที่ 15 ของผู้เยาว์นั้นแล้ว ผู้เยาว์ย่อมสามารถทำพินัยกรรมได้เอง โดยไม่ต้องขอความเห็นชอบ หรือคำอนุญาตจากผู้แทนโดยชอบธรรม หรือผู้ปกครองของผู้เยาว์ตามความในมาตรา 21 อีก พินัยกรรมดังกล่าว ย่อมมีผลเป็นพินัยกรรมที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย เช่นเดียวกับการทำพินัยกรรมของบุคคลที่บรรลุนิติภาวะแล้ว ทั้งนี้เพราะพินัยกรรมถือเป็นนิติกรรมในทางครอบครัวที่ผู้เยาว์จะต้องทำเองเป็นการเฉพาะตัว บุคคลอื่นไม่ว่าจะเป็นบิดามารดา ผู้ใช้อำนาจปกครอง หรือผู้ปกครองไม่สามารถให้ความเห็นชอบ หรืออนุญาต หรือทำการแทน หรือตัดสินแทนผู้เยาว์ได้ มิฉะนั้นจะกลายเป็นว่าพินัยกรรมนั้น บิดามารดา ผู้ใช้อำนาจปกครอง หรือผู้ปกครองของผู้เยาว์เป็นผู้ทำขึ้นเอง ไม่ใช่ผู้เยาว์เป็นผู้ทำขึ้น
- การทำพินัยกรรมของผู้เยาว์ที่มีอายุยังไม่ครบ 15 ปี บริบรูณ์ ต้องอยู่ในบังคับของมาตรา 1703 ด้วย คือ พินัยกรรมซึ่งผู้เยาว์ที่มีอายุยังไม่ครบ 15 ปี บริบรูณ์ ทำขึ้นดังกล่าวย่อมเป็นโมฆะ ไม่ใช่เพียงเป็นโมฆียะตามความหมายในมาตรา 21 เท่านั้น และผู้เยาว์ที่มีอายุยังไม่ครบ 15 ปี บริบรูณ์ ก็จะขอความเห็นชอบ หรือคำอนุญาตจากผู้แทนโดยชอบธรรม หรือผู้ปกครองของผู้เยาว์ตามความในมาตรา 21 เพื่อทำพินัยกรรมไม่ได้ด้วย ไม่อยู่ในความหมายตามมาตรา 21
- หากอ้างว่า มาตรานี้บัญญัติว่าอย่างไร ต้องเขียนจำนวนอายุด้วยตัวอักษร คือ อายุสิบห้าปีบริบรูณ์ เป็นลักษณะของการอ้างถึงจำนวนในข้อความของภาษาไทย ที่มักนิยมเขียนจำนวนในข้อความด้วยตัวอักษร ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความหมายในมาตรา 12 หากเขียนจำนวนอายุด้วยตัวเลข คือ อายุ 15 ปี บริบรูณ์ หรืออายุ ๑๕ ปี บริบรูณ์ ไม่ถือว่าถูกต้อง แต่หากเป็นการอธิบายความทั่วไป สามารถเขียนจำนวนอายุด้วยตัวเลข คือ อายุ 15 ปี บริบรูณ์ หรืออายุ ๑๕ ปี บริบรูณ์ได้